เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ความล้มเหลวผิดพลาด การเจ็บป่วย การเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้คงไม่มีใครชอบ เช่นเดียวกับผมซึ่งเคยได้ผ่านมันมาแล้วเช่นกัน และสิ่งนี้เองคือจุดพลิกผันของประสบการณ์ใหม่ กับการมองเห็นชีวิต เมื่อได้เข้าสู่เส้นทางนักพยากรณ์อาชีพ คือการได้มีมิตรสหาย การได้พบเจอผู้คนมากมายผู้มีทุกข์ต่างกันไปตามวาระชะตากรรม คือประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ซึงถือเป็น *รางวัลของชีวิต* ที่สำคัญ-ของผม ที่ได้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เขาเหล่านั้น จากวิชาโหราศสตร์ ผมมิใช่กูรูทางโหราศาสตร์ เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่่เคยล้มป่วยจนเฉียดความตายมาแล้ว แต่จะด้วยลิขิต หรือสิ่งที่เรียกว่าดวงชะตาก็ตาม ได้นำพามาสู่เส้นทางนักพยากรณ์ และด้วยความมีใจรักในศาสตร์นี้มาก่อน จึงพอจะมีสัมผัสและวิชาความรู้อันเล็กน้อย ที่ครูอาจารย์ ประสิทธิ์ประสาทติดตัวมาให้อยู่บ้าง หซึ่งหากพอจะใช้วิชาช่วยเหลือแก้ไข ชี้แนะแบ่งเบาให้ผู้มาปรึกษาได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ก้อพอใจแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่มาไลด์เพจให้ แวะเยี่ยมชมบลอคของผมครับ หมอเอส คนค้นดวง
โหราศาสตร์ใช้ดาวพยากรณ์ชีวิตคน
ฉะนั้นดาวคือคน และคนคือดาว
ชีวิตของคนก็คือชีวิตของดวงดาว


8 ม.ค. 2559

สมุดเยี่ยม hora for life

 สมุดเยี่ยมhora for life


สวัสดีและขอต้อนรับมิตรรักทุกท่านตลอดจนคุณลูกค้าที่วะมาเยี่ยมเว็บโหราฟอร์ไลฟ์ของหมอเอสแห่งนี้  มุมสบายๆกับโหราศาสตร์บริสุทธิ์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ อวิชชาใดๆ
ให้งมงาย

ใครอยากเช้คดวงก็เชิญได้ตามรายละเอียดที่ลงไว้

 ใครอยากอ่านอต่บทความสาระที่นำมาลงเฉยๆ ยินดีอย่างยิ่งเช่นกันครับ เข้ามาแล้วก็ขอเชิญเขียนสมุดเยี่ยมแสดงความคิดกับเรา
แนะนำติชมกัน หรือต้องการให้มีอะไรในเว็บนี้ ก้อคอมเม้นฝากไว้ได้ตรงช่องด้านล่างนี้เลยนะครับ

งานรับใช้ด้านศาสนา

ถวายงานรับใช้ทางด้านกฤษ์ยาม สิ่งปลูกสร้างทางศาสนวัตถุแด่พระอาจารย์วิศวภัทร องค์ประธานมูลนิธิพุทธจักษุุวิชชาลัย(วัดพระกษิติครรภ์)


ถวายกฤษ์ยกพระเจดีย์ประดิษฐานบนหลังคาวิหารวัดพระกษิติครรภ์ 30มี.ค2557

พระเจดีย์ขึ้นประดิษฐานเป็นที่เรียบร้อยสง่างามตสมมงคลกฤษ์


ถวายกฤษ์อัญเชิญเทพธรรมาบาล24พระองค์เข้าประดิษฐานภายในพระวิหารพุทธจักษุวิชชาลัย2557



ถวายกฤษ์อัญเชิญองค์พระเสววี่นจั๋ง(พระถังซัมจั๋ง)และสิ่งศักสิทธิ์ขึ้นประดิษฐานหน้าหอพระไตรปิกฏ ในอุดมกฤษ์ดาวพฤหัสยกราศี
ถวายกฤษ์ลงเสาเอกซุ้มประตูวัดพระกษิติครรภ์

5 ม.ค. 2559

รับมือเมื่อราหูทับดวงชะตาา



อีกไม่กี่วันข้างหน้าผ16มค.2559ดาวใหญ่อีกดวงคือพระราหูกำลังจะย้ายราศีออกจากราศีกันย์ เข้าสู่ราศีสิงห์
จึงขอแบ่งปันบทความสักเล้กน้อยเกี่ยวกับพระราหูสักหน่อยครับ



ราหู ดาวใหญ่ที่ทำให้ชีวิตคนพลิกผัน
เป็นเศรษฐี หรือ ยาจก ได้ในพริบตา
ให้สติปัญญา หรือ ลุ่มหลงมัวเมา
ขอเพียงแต่ “เรา” รู้ทัน รู้จัก “ราหู” ในตัวเรา
รู้ว่าเมื่อไหร่ จังหวะไหน “ราหู” จะแสดงพลังอย่างไร
เพียงแค่นั้น…เราก็รอดพ้นจากบาปเคราะห์ของ “ราหู”
และเมื่อนั้น…ราหูก็จะอำนวยโชคให้

***เมื่อราหูให้โทษ
1.ราหูเดิมเป็นเจ้าเรือนทุสถานภพ(อริ มรณะวินาสน์)
2.เป็นกาลกิณีจร
3.จรเข้าเรือนศัตรู
4.เป็นดาวฆาตในชันษาจร
ทับจุดตั้งรับในดวงชาตาลัคนา อาทิตย์ จันทร์ ตนุลัคน์
ลัคนา ราหูปะทะลัคน์...........ระมัดมักอริรอน
อย่าพลั้งเล่ห์คนวอน.....กิจรับธุระพาล
จองคุณจะคืนโทษ........ทุรโยศประหนึ่งพราน
บินบอกทุรสถาน...........ก็ประทุษฐเบียนบี

แปล..
ดาว ๘ สัมพันธ์ถึงลัคนาในปีใด
ให้ระวัง ไม่ควรเสนอตัวออกหน้าอาสาทำธุระแทนใครๆ
เพราะประโยชน์ที่จะได้รับนั้นน้อย แต่โทษนั้นสูง
และถึงคราวที่ดวงชะตาจะตกต่ำถึงขั้นร้ายแรงได้
เปรียบดังนกบินบอกทางนายพราน
เมื่อนายพรานบรรลุจุดประสงค์แล้วกลับฆ่านกเสีย

**ข้อสังเกต
ดาว ๘ ในดวงเดิมจะต้องเป็นดาวให้โทษไว้ก่อน
เช่น เคยอยู่ในภพทุสถาน หรือเป็นเจ้าเรือนภพทุสถานมาก่อน
และไม่ถูกกับลัคนาหรือตนุลัคน์
เช่นเป็นคู่ศัตรู หรือคู่ปฎิปักษ์ต่อกัน ถือว่าเป็นการจรมาในทางร้าย
และปีนั้น เป็นกาลีจร หรือเกี่ยวข้องกับฆาตจร
หรือดาว ๘ เป็นดาวฆาตเสียเอง ในพื้นดวงมีดาวคู่ศัตรูในจุดตั้งรับ เหล่านี้จะร้ายแรงมาก จุดตั้งวรับที่สำคัญคือ อาทิตย์ จันทร์ ตนุลัคน์


***เมื่อราหูให้คุณ
ราหูเดิมเป็นเจ้าเรือนดี เช่นลาภะ ศุภะ ปุตตะ กดุมภะ
2.เป็นเดช ศรีจรตามทักษา
3.จรเข้าเรือนคู่มิตร
4.ทับพระเสาร์เดิม(พระเสาร์เดิมต้องเป็นเจ้าเรือนและมีมาตรฐานที่ดีด้วย)
แต่ถ้าดาว ๘เดิม เป็นดาวให้คุณอยู่แล้ว
การจรมา กลับเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับข้างต้น
ยิ่งเป็นศรีจรและเจเรือนจรที่ดีด้วย ก็จะเกิดโชคขึ้นได้ง่ายๆ


การที่ ๘ ทับลัคนา อย่างไรก็จะให้ความมืดคลื้ม คลุมด้วยเมฆหมอกควันดำ ในช่วงนั้น เพราะดาว ๘ ถึงแม้นจะดีแค่ไหน ก็จัดอยู่ในประเภทดาวบาปเคราะห์ เหมือนมีดที่จัดอยู่ในประเภทของอันตราย หากใช้ไม่ระวังก็จะเกิดโทษได้ง่าย เช่นถูกหวยใหญ่ แต่เมาฉลองจนเกิดอุบัติเหตุเป็นต้น

ดาว ๘ เป็นดาวใหญ่หนึ่งในดาวตรีเทพ ที่จะกดทับดวงชะตานานถึง1ปีครึ่งรอจังหวะให้เกิดเรื่องใหญ่จนได้ ดวงชะตาใดก็ตามในช่วงที่พระราหูจรทับลัคนา จึงเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังตัว ในทุกๆเรื่อง
ที่ต้องประเมินล่วงหน้าว่าสิ่งนั้นควรทำหรือไม่ควรทำ ไม่ใช่ทำก่อนแล้วคิดทีหลัง หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องทำอย่างรอบคอบที่สุด

ส่วนท่านใดอยากจะทำพิธีบูชาพระราหูนั้นก็ไม่ผิดดอก เป็นสิ่งกระทำได้เพื่อความสบายใจ แต่ขอบอกว่าไม่เกี่ยวกับโหราสาสตร์เลย หลายความเชื่อเป็นเรื่องทางศาสนาไสยะที่ถูกปั่นเป็นกะแสกลายมาเป็นมงคลตื่นข่าว

เพราะโหราศาสตร์ ใช้วิธีแก้ไข โดยความหมายสัญลักษณ์ที่ธรรมชาติแสดงออกมาเอง เพื่อรู้จังหวะหลบหลีกเท่านั้น มิใช่แก้ได้โดยการลบล้างหรือการบวงสรวงบนบานแต่อย่างใด

ในปรัชญาทางโหราศาสตร์นั้น มัวเมาทายราหู และในนิทานชาติเวร พระราหูเป้นศัตรูต่อดาวพฤหัส อาทิตย์ นางจันทร์และดาวพุธ

เมื่อคนที่ราหูทับจึงต้องเพิ่มกำลังให้พฤหัสและอาทิตย์จันทร์พุธ คือมีความสว่างคือศีลดังอาทิตย์ มีสติดังพระพุธ มีปัญญาบริสุทธิ์ดังพฤหัส มีอารมณ์แจ่มใสเมตตาดั่งดวงจันทร์ จึงเพิ่มกำลังดาวในดวงไปลดกะแสมืดจากเงาราหูเบียนลงได้

**อย่าเพิ่มอารมณ์ด้านมืดให้ตนเองอันเป็นการเพิ่งพลังให้พระราหูที่ทับอยู่

ใครบ้างที่พระราหูจะทับดวง

คนที่มีลัคนาราศีสิงห์
คนที่มีดาวตนุลัคน์ ดาวอาทิตย์หรือดาวจันทร์ตั้งรับในราศีสิงห์

ควรทำบุญด้วยการให้แสงไฟแก่วัด เติมน้ำมันตะเกียง ให้ความรู้ ให้โอกาส ให้ความหวังแสงสว่างชีวิตผู้อื่น สงเคราะเด็ก มูนิธิคนตาบอดเป็นต้น
ก็ขอให้ทุกท่านประสบโชคดีชัยยะสวัสดีตลอดระยะที่พระราหูโคจรสถิตอยู่
คนค้นดวงบันทึก 5/1/59.

โทษทุกข์ให้ทายเสาร์





ปรัชญาทางโหราศาสตร์เมื่อดูโทษทุกข์ก้อต้องพุดถึงดาวเสาร์ ??
เพราะกะแสธ่าตุอิทธิพลจากดาวเสาร์คือตัวกระทำ จึงให้ผลได้หนักแน่นชัดเจนกว่าดาวอื่น

โดยธรรมชาติของคนเราคือรักสุขชังทุกข์ แต่โลกคือเวทีใหญ่แห่งความทุกข์ในการแสดงผลของพระเสาร์
ดาวเสาร์จึงถูกยกให้เป็นประธานฝ่ายบาปเคราะห์ และเป็นเจ้าเรือนกรรมะของโลกด้วย เหตุนี้หมอดูทั้งหลายจึงพากันกริ่งเกรงพระเสาร์ยิ่งนัก
นั่นเพราะเป็นดาวที่มีธรรมชาติที่ให้น้ำหนักทางโทษทุกข์มากกว่าด้านดี
แต่โดยธรรมชาติที่แท้ย่อมมีสองด้านเสมอ

ด้านดีก้อมีเช่นความอดทน ตบะเดชะ สมาธิ ความนิ่ง ความมั่นคง การอดทนรอคอยความสุขุมถี่ถ้วนรอบครอบเป็นต้น เป็นสัจจะเป็นความจริง

แต่ในธรรมชาติของคนเราชังทุกข์ รักสุข
จึงมักไม่ใคร่จะสนใจศึกษาในความทุกข์ให้เป็นคุณ
จนบดบังด้านที่ดีของความทุกข์จากหรือพระเสาร์ ทั้งที่ดาวดวงนี้ที่แสดงสัจจะในบทบาทที่สำคั


ดังนั้นพระเสาร์หรือความทุกข์ จึงคือตัวชี้ผลแห่งการกระทำทั้งปัจจุบันและวิบากเดิมในดวงชะตา
เมื่อเวลาเป็นดาวจรมา ให้คุณโทษ ถึงสามารถให้คุณ/โทษได้มากกว่าดาวอื่นอย่สงหนักแน่นชัด้จน เพราะ"ไม่มีอะไรเหนือการกระทำ" 

และชี้ถึงต้นทันมูลเหตุในปัจจุบันว่าจะทุกข์ สุขเพียงใด ตาทมวิบากเก่าที่กระทำมา


การโคจรของดาวเสาร์นั้นเป็นดาววงนอก จึงมีที่ระยะโคจรมาช้า แต่มาแล้วชัวร์
เพราะพระเสาร์คือความจริงของโลก
รวมความแล้วดาวเสาร์หรือทุกข์นี่แหละครับที่เป็นแก่นสารของชีวิตจริงๆ

เป็นหนึ่งในดาวตรีเทพมีอิทธิพลสูงสุดในทุกดวงชะตาที่ถือกำเนิดมาบนโลก
เพราะทุกข์ที่เราได้รับคือผลแห่งการกระทำ เป็นสัจธรรม!!

ในมุมโหราศาสตร์นั้น อาจทำได้เพียงอ่านโทษทุกข์อุปสรรค ตลอดจน เหตุแห่งทุกข์ที่ดวงดาวแสดงออกมา ผ่านดาวเสาร์ในดวง ว่าไปก่อเหตุให้คุณโทษที่เรือนภพใด
คือทุกข์และเหตุแห่งทุกข์

แต่หนทางแห่งนิโรธและมรรค
คือความพุ้นและหนทางพ้นจากทุกข์ .. นั้นคือสิ่งที่อยู่เหนือดวงดาว
จะกระทำได้  หนทางแห่งนิดรธแลพมรรค มีเพียงคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่พาเราพ้นทุกข์ไปได้
ดังพุทธพจน์ที่ว่า

“ปุพฺเพจาหํ ภิกฺขเว เอตรหิ จ ทุกขญฺเจว ปญฺญาเปมิ ทุกขสฺส จ นิโรธํ” ภิกษุทั้งหลายทั้งในกาลก่อนแลบัดนี้ เราบัญญัติแต่ทุกข์และความดับทุกข์เท่านั้น

มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น
จึงมีแต่ทุกข์ที่ตั้งอยู่
จึงมีแต่ทุกข์ที่ดับไป

นอกจากทุกข์แล้ว จึงไม่มีอะไรเกิด

นอกจากทุกข์แล้ว จึงไม่มีอะไรดับ

วชิราสูตรที่ ๑๐
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕
ดังนั้นอย่ากลัวดาวเสาร์ เพราะดาวทุกดวงสามารถให้ได้ทั้งคุณและโทษ หาเพียงพระเสาดวงเดียวไม่


ขอเพียงท่าน นำจุดอ่อน จุดแข็งของดาวในดวงมาเพิ่มลดเอาเถิดย่อมมีชะตาดีขึ้นแน่
คนค้นดวงเรียบเรียง.6/9/58.

ทุกสิ่งสำเร็จได้เพราะใจ มีใจเป็นประธาน




วันหนึ่งขณะคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นอดีตนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มาก ซึ่งตอนนี้ท่านอายุใกล้ 70 แล้ว

ผมทึ่งในวิชาโหงวเฮ้งของท่านที่เพียงเห็นกันไม่กี่ครั้งท่านก็สามารถ พยากรณ์ ได้เลยว่าคนนั้นคนนี้อนาคตจะเป็นเช่นไร ท่านบอกว่าท่านอาศัยการสังเกตจากคนรอบตัวท่านหลายๆคนตั้งแต่ท่านอายุประมาณ 30 ปีต้นๆว่าคนที่มีลักษณะโหงวเฮ้ง(ลักษณะรูปร่างของ ตา คิ้ว หู จมูก ปาก จนถึงการเดิน การนั่ง การพูดจา น้ำเสียง แววตา การกินอาหาร และอากัปกริยาท่าทางอื่นๆ)

โดยท่านบอกว่าวิธีสังเกตของท่านคือสังเกตในขณะที่คนนั้นไม่รู้ตัว เวลาที่เขาปล่อยตัวตามสบาย(ตอนเผลอ)จะให้ข้อเท็จจริงที่่ดีที่สุดถูกต้องที่ สุด ท่านบอกว่าบางคนโหงวเฮ้งช่วงอายุจร(อายุปัจจุบัน)ไม่ดีแต่ดวงชะตาของบุคคล ผู้นั้นกลับเป็นช่วงดวงขึ้น


เพราะราศี(เลือดลม)บนใบหน้ามีราศีผ่องใสดีก็ทำให้ดวงชะตาดีขึ้นได้ ซึ่งท่านบอกว่าดวงชะตาก็คือนิสัยนั่นเอง นิสัยเปลี่ยนดวงก็เปลี่ยน

โดยคนที่ดวงดีราศีผ่องใสอยู่เสมอมักมีนิสัยมองทุกอย่างที่เจอในชีวิตเป็น บวก คิดในแง่บวกไม่ว่าเจออุปสรรคอะไรก็ผ่านไปได้ เพราะมีกำลังใจดี กำลังใจเข้มแข็ง เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า

" ทุกสิ่งสำเร็จได้เพราะใจ มีใจเป็นประธาน "

ดังที่ปรากฏว่านักธุรกิจหรือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหลายคนนำไปใช้ ซึ่งตรงกันกับผลงานวิจัยของฝรั่งที่ว่า ATTITUDE(ทัศนคติ)หรือPositve Thinking(การคิดบวก)

คือ กุญแจสู่ความสำเร็จ ซึ่งตรงกันกับท่านอาจารย์ที่ใช้นามแฝงว่า มังกร กล่าวไว้ในนิตยสารหมอดู ฉบับปฐมฤกษ์ พฤษภาคม 2533 ในหัวข้อ " ซินแสสอนศิษย์ " ตอน โหงวเฮ้งไม่ดี มีวิธีแก้ ว่าต้องแก้โดยการ ฝึกใจเราให้ผ่องใส เพราะมันจะไปปรับราศีให้ดีขึ้นได้

เวลาใดที่จิตใจสงบสบายจะส่งผลถึงหน้าตา ผิวพรรณ มันจะเปล่งปลั่งมีราศี ซึ่งการทำใจให้สงบสบายอาจใช้วิธีการทำสมาธิเข้าช่วยอีกแรงก็จะดียิ่งขึ้น


ซึ่งเมื่อจิตใจสงบสบายก็เป็นตัวเสริมให้จิตเรานิ่งมีสติแล้วปัญญาก็จะ เกิด ดังคำที่ว่า " สติมา ปัญญาเกิด " เราก็จะแก้ปัญหาอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ครับ โดยท่านมีดวงถึงฆาต(ดวงตาย)ในปลายปี 2553 ตอนนั้นท่านป่วยหนักมาก เดินไม่ได้ สารพัดโรครุมเร้า(ทั้งโรคความดัน โรคหัวใจ โรคเก๊าต์ หลอดเลือดแดงที่ขาตีบ อัมพฤกษ์ครึ่งซีก)


แต่ท่านก็ผ่านมาได้เพราะอานุภาพของการนั่งสมาธิ และจิตใจที่คิดในแง่บวกกับทุกอย่างที่เจอ มีกำลังใจในการต่อสู้ทุก ดังคำกล่าวที่ว่า " จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว " และพยายามช่วยตนเองจนถึงที่สุดไม่ต้องการให้คนอื่นพยุง พยายามออกแรงที่กล้ามเนื้อขา แขน

ท่านเพียงแค่ป่วยหนักแต่ผ่านพ้นมาได้ โดยปัจจุบันนี้เดินได้แล้ว(จนอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลศิริราชถึงกับงง เพราะคนอื่นที่เข้ารับการรักษาพร้อมกับท่านบางคนก็ตายไปแล้ว

หรือบางคนก็ต้องตัดขา) และอีกเรื่องหนึ่งหลวงพ่อเส็ง(อดีตพระเกจิชื่อดังของจังหวัดปราจีนบุรีใน สมัยอดีต)ได้พยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคตว่าท่านจะต้องหมดตัว

(ท่านเป็นเศรษฐีนัก ธุรกิจระดับแนวหน้า ของธุรกิจสายหนึ่ง)แต่เมื่อท่านรู้ตัวล่วงหน้าก่อนเป็นเวลานับสิบปี ท่านจึงเก็บสะสมเงินไว้ส่วนหนึ่ง สุดท้ายมีเหตุให้ท่านต้องเสียธุรกิจนี้ไป แต่ไม่หมดตัว (เพราะมีแผนสำรองคือเงินออมนับล้าน)

นี่คือประโยชน์หนึ่งของการดูดวงเพื่อจะได้เตรียมแผนรับมือล่วงหน้า สรุปคือเคล็ดลับแก้เคราะห์ร้ายให้กลายเป็นดีและทำให้ดวงชะตาดีขึ้น คือ คิดในแง่บวกกับทุกสิ่งที่เจอในชีวิตซึ่งจะก่อให้เกิดกำลังใจอำนาจจิตที่จะ สู้กับทุกสิ่ง

หมั่นนั่งสมาธิหรือเจริญสติจะก่อให้เกิดปัญญาในการแก้ปัญหาทุกอย่าง และต้องคิดอยู่เสมอว่าจะมีวิธีทำงานหรือใช้ชีวิตอย่างไรให้พรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้(พัฒนาให้ก้าวหน้า)

ซึ่งตามหลักโหงวเฮ้งแล้วสิ่งที่สำคัญมาก คือ 1.น้ำเสียง
2.แววตา
3.ราศี
ทั้งสามสิ่งนี้ถูกควบคุมด้วยสิ่งเพียงสิ่งเดียวคือ " ใจ "
"เมื่อใจดี ทุกอย่างดีหมด " น้ำเสียงบอกพลัง แววตาบอกความมุ่งมั่น ราศีบอกความสุขความ
สบายใจ เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า
" ทุกสิ่งสำเร็จได้เพราะใจ มีใจเป็นประธาน "

ราศีปีนักษัตใดดี-ร้ายในปีนักษัตวอก part1





เป็นที่ทราบกันว่าเทพไท้ส่วยหรือเทพเจ้าผู้ดูแลดวงชะตานั้นจักเคลื่อนย้ายทุกปีการเปลี่ยนนักษัตตามปฏิมทินทางจันทรคติคือช่วงตรุษจีน

หลายคนคงรู้จัก "ปีชง"เป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน โดยเกี่ยวข้องกับองค์เทพไท้ส่วย หรือ “เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา” ซึ่งปีที่ได้รับผลไม่ดี จะมีอยู่ 4 แบบคือ

ปีชง เป็นปีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หรือชงโดยตรง
ปีคัก คือปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้นๆ จะเป้นปีชงร่วม
ปีเฮ้ง คือปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม
ปีผั่ว คือปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ

โดยปีชงตรงๆจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนปีคัก ปีเฮ้ง ปีผั่วซึ่งเรามักเรียกว่า ปีชงร่วม จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า

ทางศาสตร์โหรไทย ถือเอาดาวประธานศุภเคราะ์คือดาวพฤหัสเป็นเทพประจำปีซึ่งสอดคล้องกับการโคจรคือปีละ1ราศีสัมพันกับการเปลี่ยนนักษัตแต่ละปี

ซึ่งในปี2559นี้ นักษัตจะเปลี่ยนเป็นวอก เทพไท้ส่วยจึงประจำที่ราศีสิงห์ คนนักษัตปีขาลที่อยู่ตรงข้ามราศีที่เทพไท้ส่วยสถิต เป็นนักษัตที่ชงกับเทพไท้ส่วยโดยตรงเพราะเล็งกัน คนปีขาลจึงถือเป็นปีชงอันดับ1โดยเฉพาะคนปีขาลลัคนาราศีกุมภ์ ราศีมีน

ยังมีปีชงร่วมอีก3นักษัตคือ
นักษุัตวอกเป็นปีที่อยู่ร่วมกับเทพไท้ส่วยหรือปีคัก ถือเป็นปีชงร่วมรองลงมาเป็นอันดับ2
โดยเฉพาะ คนนักษัตวอกและมีลัคนาราศีมกร ราศีสิงห์

คนนักษัตมะเส็ง คือปีเฮ้ง จะส่งผลในทางเคราะห์กรรม

โดยเน้นท่านที่เกิดปีมะเส็งและลัคนาราศีพฤษภถือเป็นปีเฮ้ง

ท่านที่เกิดปีกุนถือเป็นปีผั่ว โดยเฉพาะท่านที่เกิดปีกุนและลัคนาราศีพิจิก ราศีเมษควรเน้นดูแลในเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ

หากทั้งปีนักษัตและลัคนาทั้งหมดตรงกับที่กล่าวมานี้ถือว่าเสียทั้งดวงจีนและไทยเลยทีเดียว

โดยปีชงตรงๆจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนปีคัก ปีเฮ้ง ปีผั่วซึ่งเรามักเรียกว่า ปีชงร่วม จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า

วิธีแก้ชง

1. ตามความเชื่อของคนจีน การไหว้เทพเจ้าไท้ส่วย จะช่วยบรรเทาเคราะห์กรรมได้ โดยในประเทศไทยสามารถไหว้ได้ที่วัดจีนทั่วไป เช่น วัดเล่งเน่ยยี่ (หรือวัดมังกรกมลาวาส) เป็นต้น

2. เนื่องจากดาวพฤหัสบดี เป็นดาวแห่งความดีงามและผู้ใหญ่ การทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ต่างๆ เช่นการไถ่ชีวิตโค กระบือ ปล่อยนกปล่อยปลา การบริจาคโลหิต ฯลฯ ก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมกำลังดาวพฤหัสให้มีพลังมากขึ้น

3. การไหว้พระ 9 วัด ช่วยเสริมสิริมงคลให้ชีวิต

ก็ขอให้ทุกท่านไม่ประมาทในชีวิตและจงแคล้วคลาดปลอดภัยปราศจากอุบัติเหตเภทภัยทุกประการตลอดปี2559ที่จะถึงนี้ด้วยเทอญ

ขอได้รับความขอบคุณ

บันทึกโดย หมอเอส คนค้นดวง 1/9/58.

อะไรดี อะไรแย่ของ12ราศี ในปีนักษัต วอก2559 part2

อะไรดี อะไรแย่ของ12ราศี ในปีนักษัต วอก2559

บทความนี้เป็นpart2ต่อจากบทความแรก ในเรื่องปีชง
ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วว่าจุดที่ดาวไท้ส่วย หรือดาวพฤหัส ทำมุมกะทบ
มากเป้นพิเศษต่อ ผู้ที่เกิดลัคนาหรือราศี ดังที่จะขยายความให้ต่อมีดังนี้คือ

1.ปีขาลถือเป็นปีชง เป็นปีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หรือชงโดยตรง โดยเฉพาะผุ้ที่เกิดลัคนาราศีกุมภ์ มกร กันย์กรกฏ(ที่เกิดปีนักษัตขาล)


2.ปีคัก คือปีวอกที่เป็นปีร่วมนักษัตรกับเทพไท้ส่วย จะเป้นปีชงร่วม โดยเฉพาะท่านที่เกิดลัคนาหรือราศีสิงห์ มกร กุมภ์ กันย์ (ที่เกิดปีวอก)

3.ปีเฮ้ง คือมะเส็งถือเป็นปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม โดยฉพาะท่านที่เกิดลัคนาราศี พิจิก ธนู ตุลย์ พฤษภ มิถุน(ที่เกิดปีมะเส็ง)

4.ปีผั่วหรือปีกุน คือปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะท่านที่เกิดลัคนาราศี กรกฏ พิจิก ตุลย์ มิถุน พฤษภ เมษเ(ที่เกิดปีกุน)

ปีนักษัตและราศีที่ดี2559
ทีนี้ก้อมาถึงปีที่ดีของคนเกิดนักษัตและราศีใดกันบ้าง
สาสตร์จีนเรียกว่าชงฮะ (ความถุกโฉลกเข้ากัน ความเป็นมิตร)
มีดังนี้ชวด มะโรง วอก ไตรภาคี (ซาฮะ) รวมกันเป็นธาตุน้ำใหญ่(เปรียบเสมือนญาตธาตุเดียวกัน)

เมื่อผสานกับการโคจรของดาวพฤหัสหรือเทพไท้ส่วยตามโหราศาสตร์ไทย
คือคนที่เกิดลัคนาราศี เมษ สิง ธนู(ที่เกิดปีวอก มะโรง ชวด) จะได้เริ่มต้นหรือได้รับสิ่งใหม่ๆที่น่ารื่นรม น่าพอใจ สมหวัง มีความรุ่งเรืองมาก  


และที่มากกว่าว่าซาฮะ

คือปีซาหวย(การประสานพลัง) ได้แก่ ปีวอก ระกา จอที่มีลัคนาราศี กรกก ตุลย์ พิจิก ธนู
ในด้านการเงิน การงาน โชคลาโดยรวม หลังผ่านอะไรย่ำแย่มาตลอดปี58

สำหรับลัคนาราศีปีนักษัตอื่นๆที่มิได้กล่าวถึง ก็เป็นกลางๆนะครับ
โดยดำเนินตามปกติตามธรรชาติของคนเราที่ย่อมมีดีร้ายคละเคล้าผสมกันไปในทุกๆปี สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหลายๆแหล่ง

สำหรับบางท่านที่เข้าข่ายดวงชงตามข้อเขียนนี้ สิ่งสำคัญคือการวางแผน ไม่ว่าหมอดูท่านใดเขียนขอให้อ่านเป้นแนวเท่านั้น อย่านึกแต่เพียงการแก้ดวง แก้ชง
เพราะการดำเนินด้วยสติ การไม่ประมาท หมั่นทำกุศลแต่สิ่งดี เป้นเกราะคุ้มครอง ย่อมดีกว่าประมาท แล้วคิดแต่ว่าแก้ได้

ก้อขอจบบทความในpart2นี้โดยสมบุรณ์
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

หมอเอส คนค้นดวง. 23/12/58

4 ม.ค. 2559

ดวงขอทานวณิพก



นายเดชผู้นี้มีชะตาชีวิตที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้อื่น เนื่องจากเขาประกอบอาชีพเร่ร่อนขอทานเลี้ยงดูพ่อแม่ ลูกเมีย ทางบ้านมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความเต็มใจและตั้งใจที่จะยึดอาชีพนี้ จนสามารถสร้างฐานะให้กับพ่อแม่ และตนเองได้อย่างมั่นคง มีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีอันจะกินคนหนึ่งในละแวกนั้น

ที่สำคัญก็คือ เขาเป็นผู้ที่เก็บงำความลับได้อย่างยอดเยี่ยมมาก เวลาที่ออกไปเร่ร่อนขอทานนั้น เขาไปคนเดียว ไม่มีใครในละแวกนั้นล่วงรู้ แม้กระทั่งพ่อแม่ลูกเมียก็ไม่รู้ ว่าเขายึดอาชีพนี้ เพราะเขาออกไปหากินไกล ๆ สัปดาห์หนึ่ง หรือเดือนหนึ่ง ถึงกลับมาบ้านพร้อมกับเงินทองมากมาย ก่อนไปก็บอกลูกเมียว่า

ไปทำมาค้าขายกับเพื่อน ทำอย่างนี้เรื่อยมา ไม่เคยคิดจะไปทำมาหากินอย่างอื่น จนแก่เฒ่า เดินทางไม่ไหวแล้วนั่นแหละ ถึงได้หยุด ลองมาฟังเรื่องราวของเขาโดยย่อกันก่อน ที่จะเข้าสู่บทวิจารณ์ดวงชะตาต่อไป

พื้นเพ นายเดชนั้นเป็นลูกชาวสวนย่าน เมืองนนท์ ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก เพราะมีพี่น้องร่วมท้องถึง ๖ คน เขาเป็นคนที่ ๓ พออายุได้ ๖ ขวบ พ่อแม่ก็ฝากให้ไปเรียนหนังสืออยู่กับพระอาจารย์ที่วัดใกล้บ้าน เพียงปีเดียวเท่านั้น เขาก็สามารถอ่านออกเขียนได้

อย่างคล่อง แคล่ว เพราะมีสมองและสติปัญญาดี จดจำอะไรต่อมิอะไรได้ง่าย ครั้งเดียวไม่เคยลืม อุปนิสัยเป็นคนที่รักเสียงเพลง ชอบในการร้องรำดีดสีตีเป่า เวลามีคนมาขอทานแถวหมู่บ้าน ก็จะพาพวกเพื่อน ๆ ตามไปดูเขาร้องเพลงตีฉิ่งฉับและกลอง อยู่เสมอ จนกระทั่งเขาจำเพลงขอทาน ที่ร้องเพลงไทยเดิม เป็นจังหวะทำนองเล่านิทานเก่า ๆ เรื่องของโบราณต่าง ๆ เช่น เรื่องรัตนวงศ์ จันทโครพ สุวรรณสาม และเพลงอื่น ๆ อีก ด้วยความกล้า และความสนุกร่าเริงของเขา ทำให้เขาร้องเพลงเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี มักจะร้องเพลงขับกล่อมด้วยความเพลินใจอยู่เสมอ บางครั้งก็ชอบร้องเพลงให้พระเณรในวัดฟัง และก็ร้องได้ดีมีความไพเราะจับใจจริง ๆ

พออายุได้ ๙ ขวบ พระอาจารย์ได้พาเขาและเณรองค์หนึ่งออกไปธุดงค์ เดินเท้ารอนแรมเรื่อยไปจนถึงพระพุทธบาท สระบุรี ถึงหน้าเทศกาลพอดี พระอาจารย์จึงเข้าไปปักกลดในบริเวณวัด และปฏิบัติศาสนกิจตามแบบพระธุดงค์ทั่วไป

จากนั้นจึงเข้าไป นมัสการพระพุทธบาท ก่อนไปได้กำชับให้นายเดชและเณรเฝ้ากลดให้ดี อย่าไปไหน ขณะนั้นเวลา ๑๗.๐๐ น. นายเดชได้หลบหนีไปเที่ยวชมมหรสพในงานวัด แล้วเดินเตร่ไปจนทั่ว เห็นขอทานนั่งร้องเพลงบ้าง เป่าขลุ่ยสีซอบ้าง

ขอ ทานกันเป็นแถวยาวเหยียด นายเดชนึกสนุกขึ้นมา เนื่องจากตนร้องเพลงขอทานได้ จึงได้นั่งต่อแถวอยู่ห่าง ๆ ร้องเพลงขอทาน เอากระป๋องตั้ง เคาะด้วยไม้เป็นจังหวะตามเสียงเพลง ผู้คนก็ได้มามุงดูเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเขาร้องเพลงได้ดี มีน้ำเสียงไพเราะ เป็นที่ถูกใจผู้ฟังอย่างยิ่ง

นาย เดชร้องเพลงหน้าตาเฉย ไม่สะทกสะท้านเกิดความประหม่าแต่อย่างใด คนที่ยืนฟังก็ให้เงินหยอดใส่ในกระป๋องคนละเล็กคนละน้อย เพื่อเป็นค่าตอบแทน รวมแล้วได้เงินเป็นจำนวนมาก เพราะเทศกาลงานประจำปีของวัดพุทธบาทนี้ มีคนจากทั่วสารทิศพากันมาบำเพ็ญบุญกุศลอย่างมากมาย

พระ อาจารย์เที่ยวตามหา ๒ – ๓ วัน ก็ไม่พบ จนอ่อนใจไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนอีก เพราะผู้คนมากมายเหลือเกิน ต่อมาวันที่ ๔ พระอาจารย์ได้ไปพบโดยบังเอิญ เห็นนายเดชนั่งร้องเพลงขอทานอยู่ จึงเข้าไปเรียกตัวพากลับ นายเดชได้รวบรวมเงินที่ได้จากขอทานจำนวนมากมาย พระอาจารย์คิดว่า ถ้าขืนอยู่ต่อไป เด็กคนนี้จะหนีออกไปขอทานอีก และจะตามหาตัวไม่พบ จะต้องเกิดการพลัดพรากจากกันแน่ เกรงว่าพ่อแม่ทางบ้านจะตำหนิตน หาว่าพาลูกเขามาปล่อยทิ้ง เมื่อเห็นท่าไม่ดีดังนั้นแล้ว จึงได้พานายเดชเดินทางกลับวัดในทันที

นับแต่นั้นเป็นต้นมา นายเดชมีความใฝ่ฝันทะเยอทะยาน อยากยึดอาชีพขอทาน ไม่คิดอยากเรียนหนังสืออีกต่อไป เขาคิดว่าอาชีพขอทานรายได้ดี ไม่ต้องลงทุน ร้องเพลงด้วยความสนุกสนานให้ผู้อื่นฟังก็ได้เงิน ดังนั้น เขาจึงชอบหนี

โรงเรียน เข้าไปขอทานในกรุงเทพ ฯ บ่อย ๆ โดยมีฉิ่งและย่ามคู่ชีพติดตัวไปด้วย หลาย ๆ วัน จะกลับมาบ้านสักครั้งหนึ่ง พ่อแม่ พระเณร และครู ได้อบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี ไม่หนีโรงเรียน ให้เอาใจใส่ในการเรียน เขาก็หาเชื่อฟังไม่ ในที่สุดก็กลายเป็นเด็กเอกเทศ ไม่มีใครอบรมได้ ถูกไล่ออกจากโรงเรียน พระอาจารย์ก็ไล่

ออกจากวัด แต่เรื่องการขอทานเขาปิดเป็นความลับ ไม่ให้คนแถวบ้านเดียวกันล่วงรู้พฤติการณ์ของเขาได้ แม้แต่พ่อแม่ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาดำรงตนเป็นคนขอทานเลย ถึงแม้เขาจะไม่เอาใจใส่ในการเรียน แต่เขาก็มีกตัญญูต่อบุพการี ขอทานได้เงิน

มาเหลือจากกินและ ใช้จ่ายอย่างอื่น เขาเอามามอบให้พ่อแม่ของเขาหมด พ่อแม่ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเอาเงินมาจากไหน เพราะเขาไม่ยอมบอก ขณะนั้นเขาอายุ ๑๓ ปี นับว่าเขาเป็นเด็กฉลาด และไหวพริบดีทีเดียว

นาย เดชได้กลายเป็นคนพเนจรเที่ยวเร่ ร่อนขอทานไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย นาน ๆ จะกลับมาบ้าน เอาเงินมาให้พ่อแม่เขา ดำรงตนภิกขาจารเรื่อยมาจนอายุได้ ๑๙ ปี เขาก็ได้มาอยู่บ้าน ช่วยพ่อแม่ทำสวน เขาเป็นคนประหยัด เก็บหอมรอมริบเงินที่ได้จากการขอทานเป็นจำนวนมาก จึงได้ปลูกบ้านขยายให้ใหญ่โตขึ้น เขาเป็นผู้ผดุงฐานะพ่อแม่จากยากจน เข้าสู่ฐานะมีอันจะกิน

ครั้นอายุ ๒๐ ปี เขาก็ได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวสวนข้างบ้าน อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันด้วยดีเสมอมา แม้แต่งงานแล้ว เขาก็ยังยึดอาชีพขอทานเช่นเดิม เมื่อเขาจะออกจากบ้านไปขอทานในถิ่นไกล ๆ แถวต่างจังหวัด เขาจะบอกกับภรรยาว่า ไปค้าขายกับเพื่อน ๆ เมื่อออกจากบ้านแล้ว เขาจะเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่ แบบคนขอทานทั่วไป แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ แสดงกิริยามารยาท ทำตนให้คนเกิดเมตตาสงสาร

ร้อง เพลงขอทานด้วยความไพเราะ เป็นที่จับใจแก่ผู้ฟังเป็นอย่างมาก และคู่มือหากินของเขาที่นำไปด้วยก็คือ ซอด้วง เขาชักซอด้วยเพลงไทยเดิมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีกลเม็ดเด็ดพรายชักตามจังหวะของเพลงด้วยความไพเราะ ผู้คนทั่วไปได้ยินเสียงแล้ว จะต้องพากันเข้าไปมุงดูเขาชักซอและร้องเพลงสลับกัน มีคนให้ทานเขาวันละมาก ๆ

เขา ยึดอาชีพขอทานตลอดมา เขาเที่ยวไปทุกจังหวัดในประเทศไทย ยิ่งมีงานเทศกาลที่ไหน ที่เป็นงานใหญ่โตมโหฬาร เขาจะไม่พลาดโอกาสเลยสักครั้ง เขาหาเลี้ยงครอบครัว ด้วยการเป็นขอทานมานานกว่า ๑๕ ปี มีบุตรร่วมกับภรรยา ๖ คน

บุตร ทุกคนให้การศึกษาเป็นอย่างดี ครอบครัวเขามีความสุขสบาย ไม่เดือดร้อน ขณะที่เรื่องราวของเขาถูกเผยแพร่ เขาก็ยังยึดอาชีพขอทานอยู่ (พ.ศ.๒๕๑๕) และเชื่อว่า เขาคงจะหากินด้วยอาชีพนี้ จนกว่าจะไม่มีแรงเดินทางน่ะแหละ เราลองมาพิจารณาดวงชะตาเขาสักหน่อย ถือว่า เป็นดวงพิสดารไม่น้อยเลย

เครดิต:เรื่องเล่าจากคุณ : ทวนทอง




นายเดช วงษ์ก้อน สูติกาล ๗ ตุลาคม ๒๔๘๑ เวลา ๑๘.๓๐ น.
วันศุกร์ขึ้น13ค่ำ เดือน11 ปี ปีขาล

 จุดแรกคือลัคนา ดาวเจ้าเรือนคือพระศุกร์และเป็นดาวตนุเศษอีกด้วย
 นายเดชมีใจรักในรักชอบในศิลปะดนตรี และกล้าแสดงออกสนุกสนานเพราะมีราหูกุมลัคน์เป็นราชาโชค(เสน่มหานิยม)  แม้นว่าดาวศุกร์ตนุลัคน์มีมาตรฐานเป็นประ
 แม้ชีวิตไม่ค่อยมั่นคงนักในวัยต้น แต่ดาวตนุมาสถิตเรือนคู่มิตรพระอังคารในภพกดุมภะ จึงได้รับการอุปถมป์อุ้มชู ดังตามประวัติที่ได้ไปอยูกับพระอาจารย์ในวัยเยาว์ คือดาวพฤหัสที่ตรีดกณมาถึงราหูที่ลัคนา ซึ่งมุมตรีโกณจากภพปุตตะมาภพตนุที่ลัคนาเกื้อกูล

และการที่นายเดชในวัยเยาไม่สามารถอยู่ติดบ้านเป็นหลักแหล่งได้ ก็ด้วยเจ้าเรือนพันธุ(พระเสาร์)
มาสถิตภพอริร่วมพระเกตุ อยู่แล้วร้อนวุ่นวายอยู่ไม่ติดที่ แต่ก็ยังตรีโกณมาถึงดาวตนุศุกร์ คือยังมีการติดต่อเกื้อกูลกันอยู่ แต่ตนเองเป็นดาวประ จึงม่อยู่บ้าน แต่ก้อเกื้อกูลถึงครอบครัวอยู่


ส่วนเรื่องงานนั้น เจ้าเือนกรรมะ(งาน)คือดาวจันทร์เกี่ยวกับการบริการ ความเมตตาสงสาร มาสถิตภพปุตตะในเรือนราหู คือการขอนั่นเอง ดยอาศัยดาวราหูที่เป็นราชาโชคจึงก้าวหน้าในอาชีพวณิพกนี้

และที่ว่าเสียงดีขับร้องน่าฟัง เพราะดาวพุธเทพแห่งการสื่อสารเจรจาขับร้องได้มาตรฐานมหาอุจจ์กุมร่วมดาวอาทิตย์มรภพวินาสน์ จึงมีแก้วเสียงที่ลุ่มลึกไม่เหมือนใคร และดาวพุธยังเป็นเจ้าเรือนศุภะ จึงสามารถใช้สิ่งนี้สร้างความเจริญแก่ตนได้



ก็นำมาวิเคราะพิจารณากันพอสังเขปเนื่องจากเป็นดวงท่านน่าสนใจ

ขอบคุณที่ติดตามคับ
หมอเอส คนค้นดวง.
ขอบคุณคลิปเพลงขอทานประกอบจากyoutue




3 ม.ค. 2559

พยากรณ์บุญประจำปี2556ไถ่ชีวิตโคกะบือปีแรก-ปัจจุบัน


พยากรณ์บุญประจำปี2556ไถ่ชีวิตโคกะบือปีแรก



                                                                            ไถ่ชีวิตกะบือ2557
ดูแววตาเขาสิ



ไถ่ชีวิตโคกะบือ2557 น้องบุญมากกับลูกในท้อง เจ้าบุญล้นรับขวัญด้วยการคล้องดาวเรืองและพรมน้ำมนต์


ในปีที่สองนี้ มีปัจจัยเหลือจากไถ่ตัวแรก จึงได้น้องบุญล้นตามมาอีก1
ไถ่ชีวิตดคกะบือปีที่สาม2558 น้องดวงดี
น้องดวงดี
ในปีนี้นำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนชมรมดาวจรคนรักษ์โหราศาสตร์ 
และเพื่อนโหรจิตอาสามาร่วมด้วยช่วยพยากรณ์การกุศล

นอกเหนือจากไถ่ชีวิตโคกะบือแล้ว ยังได้ปล่อยสัคว์น้ำอีกหลายชีวิต
มีปลาดุก30โล
ปลาช่อน10โล
ปลาไหลไข่3โล
กบ6โล
ปลาหมอใหญ่5โล
ปลาทับทิม5โล
ปลานิล5โล
เต่ากลาง5ตัว
ตะพาบกลาง5ตัว
ตะพาบขนาดใหญ่1ตัว




























จัดตั้งกองทุนคนค้นดวงเพื่อถวายแด่พระางฆ์อาพาธรพ.สงฆ์
3.เข้ากองทุนรักษาพยาบาลสัตว์ป่วยอนาถา คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์”

สงเคราะห์คนไข้โรคจิตบ้านกึ่งวิถี"
สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง มูลนิธิกุศลการ